ฟิเดล คาสโตร ยืนยันในอุดมการณ์ของเขาว่าคิวบาต้องมาก่อน “มันไม่ใช่คอมมิวนิสต์หรือมาร์กซิส แต่มันคือตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยและความยุติธรรมในสังคมภายใต้การวางแผนที่ดีทางเศรษฐกิจ” เขากล่าวในปีพ.ศ.นั้น
ในระหว่างนี้ประธานาธิบดีไอเซนฮาวร์แห่งสหรัฐฯ ได้ปฎิเสธและบอกปัดแผนการของเขาอย่างไม่มีเยื่อใย และยังกล่าวหาว่าคาสโตรกำลังถูกนำไปสู่การแข่งขันอาวุธกับสหภาพโซเวียตที่มีครุสชอฟเป็นผู้นำ ทำให้คิวบากลายมาเป็นสมรภูมิของสงครามเย็น
ในเดือนเมษายน ปี ๑๙๖๑ ความพยายามของสหรัฐฯที่จะล้มล้างรัฐบาลคิวบาภายใต้การนำของคาสโตร คือการเกณฑ์ทหารรับจ้างชาวคิวบาที่ลี้ภัยอยู่ในสหรัฐฯ โดยการชี้นำและสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์จากหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ (ซี.ไอ.เอ) ให้รุกเข้าไปยังคิวบาด้าน “อ่าวหมู – Bay of Pigs” แต่ก็ถูกกองทัพคิวบาผลักดันรุกไล่ผู้รุกรานถูกสังหารเสียชีวิตจำนวนมากและจับได้กว่าพันคน
คาสโตรและสหายศึก "เช เกววารา" ภายหลังยึดกรุงฮาวานาและล้มรัฐบาลบาติสต้าเป็นผลสำเร็จ
วิกฤตการณ์ขีปนาวุธ
หลังจากยุทธการที่ “อ่าวหมู”อีกหนึ่งปีต่อมา เครื่องบินลาดตระเวนของสหรัฐฯก็ตรวจพบเรือบรรทุกขีปนาวุธของโซเวียตที่กำลังเดินทางมุ่งสู่คิวบา ทำให้โลกต้องเผชิญหน้ากับความเป็นไปได้ที่จะนำไปสู่สงครามนิวเคลียร์
มหาอำนาจกำลังเผชิญหน้าชนิดตาต่อตา แต่แล้วผู้นำโซเวียตก็ตัดสินใจถอนขีปนาวุธออกจากคิวบา เพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับข้อตกลงลับกับสหรัฐฯในการถอนขีปนาวุธออกจากตุรกี ขณะที่ฟิเดล คาสโตร กลับกลายมาเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่งของสหรัฐฯ
หน่วยสืบราชการลับของสหรัฐฯ (ซี.ไอ.เอ.) ได้วางแผนลอบสังหารเขามากกว่า ๖๐๐ ครั้งจากคำบอกเล่าของรัฐมนตรีคนหนึ่งของคิวบา แผนสังหารประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตรอาทิ ใส่ดินระเบิดเข้าไปในซิการ์ที่คาสโตรโปรดปานเป็นหนึ่งในแผนการดังกล่าว นอกจากนี้ฝ่ายต่อต้านคาสโตรยังมีแผนการที่น่าหัวร่อยิ่งกว่านั้นก็คือ ทำให้หนวดเคราของเขาร่วงเพื่อที่ว่าเขาจะได้ตรอมใจตาย
สหภาพโซเวียตได้ทุ่มเงินจำนวนมหาศาลให้แก่คิวบา และยังสั่งซื้อน้ำตาลจากคิวบาเป็นจำนวนมากเพื่อเป็นข้อแลกเปลี่ยนกับการนำเรือสินค้าของโซเวียตเข้าเทียบท่ายังท่าเรือฮาวาน่า เพื่อแข่งขันกับการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ
แม้ว่าคิวบายังคงเป็นพันธมิตรและรับการช่วยเหลือจากรัสเซีย แต่กระนั้นคิวบายังได้ชื่อว่าเป็นประเทศสมาชิก “ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด – Non-Aligned Movement” ที่มีคิวบาเป็นประธานประเทศล่าสุด นอกจากนี้คิวบายังเคยส่งทหารไปช่วยเหลือหน่วยจรยุทธมาร์กซิสในอังโกลา และโมซัมบิคในช่วงทศวรรษที่ ๗๐ อีกด้วย
คาสโตรกับครุสชอพก่อนวิกฤตการณ์ขีปนาวุธ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น